วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กระยาสารท...ขนมไทยแด่ผู้ล่วงลับ

กระยาสารท...ขนมไทยแด่ผู้ล่วงลับ

กระยาสารท...ขนมไทยแด่ผู้ล่วงลับ
ตั้งแต่เด็ก พวกเราทุกคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า เทศกาลกระยาสารท หรือ ขนมกระยาสารท แต่ก็ไม่เคยรู้ที่มาที่ไปจริงๆเสียทีว่า ขนมชนิดนี้คืออะไร รู้เพียงแต่เป็นขนมที่มีความหวาน และ เหนียว ทานเพลินดี แต่แค่การทานอร่อยคงไม่เพียงพอ เพราะถ้าเราเรียนรู้เรื่องราวของเขา เราจะเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศเรา ว่าต้องผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ถือเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และ วิถีชีวิต ของคนสมัยก่อน ผ่านทางอาหารนั่นเอง
กระยาสารท เป็นขนมไทยโบราณ ทำจาก ถั่ว งา ข้าวคั่ว และ น้ำตาล บางท้องถิ่นนิยมทานกับกล้วยไข่ ขนมชนิดนี้จะทำขึ้นในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ถือได้ว่าเป็นขนมที่มี วัน เวลา และ เทศกาล เป็นของตัวเอง
กระยาสารท เป็นขนมโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย รากศัพท์ของคำว่า “สารท” มาจากภาษาอินเดีย แปลว่า “ฤดูใบไม้ร่วง” หรือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นเวลาเดียวกับช่วงที่พืชพันธุ์ ผลิดอกออกผล คนโบราณจึงถือกันว่า ควรนำผลผลิตเหล่านั้นถวายแก่เทวดา และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการสักการะบูชา และ ขอพรให้พืชของตนออกดอกออกผลดี
ประเพณีนี้เกิดในแถบประเทศจีน และ ยุโรปตอนเหนือ เช่นเดียวกัน ส่วนประเทศไทย ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีของประเทศอินเดีย เป็นช่วงเวลาที่ข้าวเริ่มออกรวง ชาวบ้านจึงเก็บเปลือกอ่อนๆ และ เมล็ดยังไม่แก่ นำมาคั่วและตำให้เมล็ดข้าวแบนๆ และเรียกว่า ข้าวเม่าแทน
ตำนานความเชื่อของกระยาสารทมีอยู่ด้วยกัน 2 ตำรา คือ ...
ตำราหนึ่งกล่าวว่า มีพี่น้องอยู่สองคนชื่อ มหากาลผู้พี่ และจุลกาลผู้น้อง ทั้งสองทำการเกษตรกรรมร่วมกันคือ ปลูกข้าวสาลีบนที่ผืนเดียวกัน จุลกาลนั้นเห็นว่าข้าวสาลีที่กำลังท้องนั้นมีรสหวานอร่อย ก็เลยอยากนำข้าวนั้นไปถวายแด่พระสงฆ์ จึงปรึกษากับมหากาลพี่ชาย แต่มหากาลไม่เห็นด้วย มหากาลจึงแบ่งที่ดินออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้ต่างคนต่างนำข้าวไปใช้กิจอันใดก็ได้ จุลกาลจึงนำเมล็ดข้าวที่กำลังตั้งท้องมาผ่า แล้วต้มกับน้ำนมสด ใส่เนยใส น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายกรวด เมื่อเสร็จแล้วจึงนำไปถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อถวายภัตตาหารเหล่านี้แด่พระสงฆ์ จุลกาลได้ทูลความปราถนาของตนกับพระพุทธเจ้าว่า ขอให้ตนบรรลุธรรมวิเศษก่อนใคร และเมื่อกลับบ้านไป ก็พบว่านาข้าวสาลีของตนนั้นออกรวงอุดมสมบูรณ์สวยงาม จนเก็บเกี่ยวไป 9 ครั้งก็ยังอุดมสมบูรณ์อยู่อย่างนั้นตลอดไป
ส่วนอีกตำราหนึ่งเล่าว่า สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ มีเปรตตนหนึ่งปลอมตัวเป็นพระสงฆ์เข้าเฝ้าพระเจ้าอชาตศัตรู เปรตตนนั้นได้เผยความจริงว่า ตนเคยเป็นพระสงฆ์แต่มีความโลภจึงต้องชดใช้กรรมเป็นเปรต แล้วเปรตตนนั้นก็ขอให้พระองค์พระราชทานกระยาสารท ซึ่งปรุงแต่งด้วยของ 7 อย่าง ได้แก่ น้ำตาล น้ำผึ้ง ถั่ว งา ข้าวตอก ข้าวเม่า น้ำนมวัว เพื่อประทังความหิวโหย ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นตรงซึ่งกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทำขนมกระยาสารทแล้วกรวดน้ำอุทิศให้แก่เปรตตามที่ขอไว้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่อถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งตรงกับเดือนกันยายน ชาวบ้านจะกวนกระยาสารทมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว จนกลายเป็นประเพณีสารทไทย หรือเทศกาลกวนขนมกระยาสารทจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง





ที่มา : fifa6886


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น